ปศุสัตว์เดินหน้า รับรองสมุดประจำตัวม้า (TEF Passport) กรมปศุสัตว์ร่วมกับสมาคมกีฬาขี่ม้าแห่งประเทศไทย ประชุมความร่วมมือจัดทำโครงการเก็บข้อมูลประชากรม้า ตามข้อตกลงในบันทึกความร่วมมือ (MOU) เพื่อเตรียมการขอคืนสถานภาพปลอดโรคกาฬโรคแอฟริกาในม้า (African Horse Sickness Free Status) ของประเทศไทย พร้อมทั้งขออนุมัติให้รับรองหนังสือประจำตัวม้าของสมาคมกีฬาขี่ม้าแห่งประเทศไทย (TEF Passport) ในวันพุธที่ 28 ตุลาคม 2563 เวลา 10.00 น. นายสัตวแพทย์ชัยวัฒน์ โยธคล รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ และคณะเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ พร้อมกับ คุณเฉลิมฉาน ยศวิริยะพานิชย์ รองเลขาธิการสมาคมกีฬาขี่ม้าแห่งประเทศไทย คุณปพิชญา สาระภี และ คุณปิยะธิดา ยอดที่รัก เจ้าหน้าที่สมาคม เข้าร่วมการประชุมความร่วมมือในการจัดทำโครงการเก็บข้อมูลประชากรม้า ณ ตึกชัยอัศวรักษ์ กรมปศุสัตว์ ซึ่งมีประเด็นที่สำคัญในการประชุมโดยทางกรมปศุสัตว์ ได้รับรองหนังสือประจำตัวม้าของสมาคมกีฬาขี่ม้าแห่งประเทศไทย (TEF Passport) ให้สามารถใช้แทนสมุดประจำตัวม้าของปศุสัตว์ และใช้เป็นเอกสารสำคัญในการระบุตัวตนม้าได้ ในกรณีที่เคลื่อนย้ายม้าด้วยสมุดประจำตัวม้าของกรมปศุสัตว์ ให้แนบเอกสารที่พิมพ์จากระบบ NID ของกรมปศุสัตว์ควบคู่ด้วย ถึงจะทำการเคลื่อนย้ายได้ พร้อมทั้ง การขึ้นทะเบียนม้าโดยระบบ NID เพื่อการตรวจสอบหรือประกอบการพิจารณาของเจ้าหน้าที่ในส่วนที่เกี่ยวข้องได้ อีกทั้ง ได้หารือการวางแผนและกำหนดเงื่อนไขในการเคลื่อนย้ายม้า ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันตามมาตรการของกรมปศุสัตว์
วันที่ 27 ตุลาคม 2563 เวลา 14.00 น. ณ ห้องประชุม สมาคมกีฬาขี่ม้าแห่งประเทศไทย อาคารเคี่ยนหงวน
วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม 2563 เวลา 13.00 น. ณ ห้องประชุม สมาคมกีฬาขี่ม้าแห่งประเทศไทย อาคารเคี่ยนหงวน
23-24 October 2020 at Royal Stable Unit, Bangkok.
Equestrian Coaching Course #2 during HRH Princess Sirivannavari Nariratana Rajakanya, THA Dressage Rider has conducted National Equestrian Coaching Course, In order to educate local in coaches in Thailand during 23-24 October 2020 at Royal Stable Unit, Bangkok.
สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เสด็จพระราชดำเนินไปยังหน่วยม้าทรงประจำพระองค์ทรงพระราชทานการสอนในหลักสูตรครูสอนขี่ม้า Coaching Course ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 23-24 ตุลาคม 2563 เพื่อให้เป็นการเพิ่มพูนความรู้และทักษะแก่ครูขี่ม้าในประเทศไทย
วันพฤหัสบดีที่ 22 ตุลาคม 2563 เวลา 14.00 น. ณ ห้องประชุม สมาคมกีฬาขี่ม้าแห่งประเทศไทย อาคารเคี่ยนหงวน
Photo Cr. Aline Cerisier (FRA) & Thailand Equestrian Federation
ทีมขี่ม้าโอลิมปิคอีเว้นติ้งไทย ทยอยเก็บแต้มในการควอลิฟายกับม้าตัวสำรองความคืบหน้าเกี่ยวกับทีมขี่ม้าอีเว้นติ้งไทย หลังจากที่การแข่งขันโอลิมปิกได้ถูกเลื่อนออกไปจากเดิมในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2020 เป็น 2021 เนื่องจากผลกระทบจากการระบาด Covid_19 ทำให้คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (International Olympic Committee -IOC) และเจ้าภาพญี่ปุ่นตัดสินใจเลื่อนการแข่งขันออกไป ชนิดกีฬาขี่ม้า เป็นกีฬาที่มีม้าเป็นส่วนประกอบหลักที่สำคัญในการแข่งขัน ซึ่งต้องมีความมั่นใจว่า คู่คนและม้าจำต้องมีการพัฒนาศักยภาพอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้สหพันธ์กีฬาขี่ม้านานาชาติ(FEI) เล็งเห็นถึงความสำคัญดังกล่าวและรวมไปถึงความปลอดภัย จึงประกาศให้นักกีฬาที่เคยผ่านการควอลิฟายด์ หรือผ่าน (Minimum Eligible Requirement – MERs) มาแล้วในปี 2020 จำเป็นต้องทำการควอลิฟายด์หรือผ่าน MERs กับม้าหลักอีกหนึ่งครั้งในระดับ 4*S (Four Star) อีกหนึ่งก่อนวันที่ 21 มิถุนายน 2021 เพื่อเป็นการยืนยันความสามารถในการเข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกในปี 2021นัท กรธวัช สำราญ กับม้าคู่ใจตัวหลัก Uster และบอมบ์ วีรภัฏ ปิฏกานนท์ กับม้าหลัก Chateau De Versailles ใช้เวลาฝึกซ้อมในประเทศฝรั่งเศส ในระหว่างสถานการณ์ Covid_19 อย่างต่อเนื่องและเมื่อสหภาพยุโรปปลดล็อก เริ่มกลับมาจัดการแข่งขันเมื่อช่วงสิงหาคม ที่ผ่านมา ทั้งคู่ก็สามารถโชว์ฟอร์มเก็บแต้มควอลิฟายด์ 4*S กับม้าคู่ใจตัวหลัก ได้ตามข้อกำหนดเป็นที่เรียบร้อย โดยในระหว่างนี้สมาคมแห่งประเทศไทย นำโดยคุณฮาราลด์ ลิงค์ นายกสมาคมเล็งเห็นถึงการมีม้าสำรอง เพื่อเตรียมทีมในกรณีฉุกเฉิน จึงสนับสนุนม้าสำรองบางส่วน เพื่อให้นักกีฬาได้ฝึกซ้อมและแข่งขันเพื่อเตรียมความพร้อมของม้าและแผนสำรองเผื่อมีความจำเป็นต้องใช้ในอนาคตหากเกิดการบาดเจ็บของม้าหลักขึ้นก่อนการแข่งโอลิมปิกนักกีฬาขี่ม้าไทยทั้งสองก็ได้เริ่มเก็บแต้มกับม้าตัวสำรอง ล่าสุด บอมบ์ วีรภัฎ ปิฏกานนท์ กับ ม้าสำรอง Carnival March ตะลุยผ่านด่าน 3*L เป็นที่เรียบร้อยจากการแข่งขันในประเทศฝรั่งเศสเมื่อช่วงสุดสับดาห์ที่ผ่านมา เตรียมรอเข้าแข่งขัน 4*S และ 4*L ที่คาดไว้ว่าจะเสร็จสิ้นก่อน มิถุนายน 2021 และนัท กรธวัช สำราญ กับม้าสำรอง Bonero K. ก็ผ่านการควอลิฟายด์ และรอเก็บ MERs ในการแข่งระดับ 4*L อีกครั้งเดียวเท่านั้นในขณะที่มิ้น อาริย์ณัฎฐา ชวตานนท์ หลังจากเกิดอุบัติเหตุเมื่อต้นปีที่ผ่านมา มีการรักษาและกายภาพบำบัดอย่างต่อเนื่อง คาดว่าสามารถเตรียมกลับไปเก็บแต้มกับม้าตัวหลักในระดับ 4*S ภายได้ถายในต้นปี 2021ในระหว่างการเกิดโรคระบาดม้าAfrican Horse Suckness (AHS) ในประเทศไทย ช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทำให้หลายฝ่ายเป็นกังวลว่าม้าจากประเทศไทยจะไม่สามารถออกไปแข่งและเข้าร่วมการแข่งโอลิมปิกได้ แต่เนื่องจากม้าทีมอีเว้นติ้งไทยทั้งหมด ได้รับการดูแลและฝึกซ้อมอยู่กับโค้ชชาวฝรั่งเศส Maxime Livio ที่เมือง Saumur ประเทศฝรั่งเศส และมีแผนจะเดินทางตรงไปเข้าร่วมการแข่งขัน Olympic Games ที่ประเทศญี่ปุ่นในช่วงเดือนสิงหาคม 2021 จึงไม่น่ามีข้อกลังวลในเรื่องการเดินทางดังกล่าว
สมาคมเดินหน้าต่อไปอีกก้าวกับ “โครงการเก็บข้อมูลประชากรม้า” ตามนโยบายการลงนามให้ความร่วมมือกับกรมปศุสัตว์ เพื่อขอคืนสภาพปลอดโรคกับองค์กรสุขภาพสัตว์โลก (OIE)เมื่อวันศุกร์ที่ 11 กันยายน 2563 เวลา 10.00 น. ที่ผ่านมา
ผศ.น.สพ.ดร. เมธา จันดา ประธานคณะกรรมการฝ่ายสัตวแพทย์ สมาคมกีฬาขี่ม้าแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สมาคม และนิสิตสัตวแพทย์อาสาสมัคร ชั้นปีที่ 6 คณะสัตวแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร่วมเดินทางไปยัง ชมรมขี่ม้าทหารม้ารักษาพระองค์ (ROYAL HORSE GUARD) โดยมี พันโท ศันสนะ เพ็ชร์สุข เป็นประธานชมรม และมี ร้อยเอก ชยพล ลาภจิตร สัตวแพทย์ประจำชมรม ร่วมดำเนินการจัดทำ “โครงการเก็บข้อมูลประชากรม้า” ที่จัดทำทะเบียนประวัติม้าทุกตัวในพื้นที่ของชมรม/สโมสรสมาชิก สมาคมกีฬาขี่ม้าแห่งประเทศไทย เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายที่ได้มีการลงนามให้ความร่วมมือกับกรมปศุสัตว์ (MOU : Public Private Partnership, PPP) ในการลงพื้นที่เก็บข้อมูลจำนวนประชากรม้าอย่างละเอียด เพื่อนำไปใช้เป็นฐานข้อมูลประกอบในการชี้แจงการขอคืนสถานภาพปลอดโรคกาฬโรคแอฟริกาในม้า(African Horse Sickness Free Status) ของประเทศไทย กับทางองค์การสุขภาพสัตว์โลก(OIE)
ข้อมูลสรุปประชากรม้า ชมรมขี่ม้า ทหารม้ารักษาพระองค์ (ROYAL HORSE GUARD) ตั้งอยู่ เลขที่ 206/665 ถ.พหลโยธิน สามเสนใน พญาไท กรุงเทพมหานคร มีจำนวนม้า รวมทั้งสิ้น 192 ตัวในโอกาสนี้ สมาคมกีฬาขี่ม้าแห่งประเทศไทยขอขอบคุณสโมสร สัตวแพทย์ เจ้าหน้าที่ และผู้เกี่ยวข้องทุกท่านที่ให้ความร่วมมือและหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้เป็นส่วนหนึ่งในการขอคืนสภาพปลอดโรคแอฟริกาในม้าแก่ประเทศไทยในอนาคต หากมีข้อมูลเพิ่มเติมเปลี่ยนแปลงหรือการเคลื่อนย้ายม้าในสโมสรของท่าน กรุณาติดต่อสำนักงานเลขาธิการสมาคมฯ ที่เบอร์ติดต่อ 02-255-9188 เพื่อปรับปรุงและอัพเดทข้อมูลต่อไป
สมาคมเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง “โครงการเก็บข้อมูลประชากรม้า” ตามนโยบายการลงนามให้ความร่วมมือกับกรมปศุสัตว์ เพื่อขอคืนสภาพปลอดโรคกับองค์กรสุขภาพสัตว์โลก (OIE)เมื่อวันศุกร์ที่ 24 กรกฎาคม 2563 เวลา 10.00 น. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สมาคมกีฬาขี่ม้าแห่งประเทศไทย เดินทางไปยัง สโมสรไทยโปโล แอนด์ อีเควสเตรียน คลับ (THAI POLO & EQUESTRIAN CLUB) โดยมีคุณฮาราลด์ ลิงค์ เป็นประธานชมรม และมี น.สพ.ธีรพล สถาพร สัตวแพทย์ประจำสโมสร ร่วมดำเนินการจัดทำ “โครงการเก็บข้อมูลประชากรม้า” ที่จัดทำทะเบียนประวัติม้าทุกตัวในพื้นที่ของชมรม/สโมสรสมาชิก สมาคมกีฬาขี่ม้าแห่งประเทศไทย เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายที่ได้มีการลงนามให้ความร่วมมือกับกรมปศุสัตว์ (MOU : Public Private Partnership, PPP) ในการลงพื้นที่เก็บข้อมูลจำนวนประชากรม้าอย่างละเอียด เพื่อนำไปใช้เป็นฐานข้อมูลประกอบในการชี้แจงการขอคืนสถานภาพปลอดโรคกาฬโรคแอฟริกาในม้า(African Horse Sickness Free Status) ของประเทศไทย กับทางองค์การสุขภาพสัตว์โลก(OIE)ข้อมูลสรุปประชากรม้า สโมสรไทยโปโล แอนด์ อีเควสเตรียน คลับ (THAI POLO & EQUESTRIAN CLUB) ตั้งอยู่ที่ เลขที่ 111 หมู่ 9 ตำบลโป่ง อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี มีจำนวนม้า รวมทั้งสิ้น 208 ตัวในโอกาสนี้ สมาคมกีฬาขี่ม้าแห่งประเทศไทยขอขอบคุณสโมสร สัตวแพทย์ เจ้าหน้าที่ และผู้เกี่ยวข้องทุกท่านที่ให้ความร่วมมือและหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้เป็นส่วนหนึ่งในการขอคืนสภาพปลอดโรคแอฟริกาในม้าแก่ประเทศไทยในอนาคต หากมีข้อมูลเพิ่มเติมเปลี่ยนแปลงหรือการเคลื่อนย้ายม้าในสโมสรของท่าน กรุณาติดต่อสำนักงานเลขาธิการสมาคมฯ ที่เบอร์ติดต่อ 02-255-9188 เพื่อปรับปรุงและอัพเดทข้อมูลต่อไป
• ความเท่าเทียมกันที่มีมาแต่ช้านาน (Equality) กีฬาขี่ม้าเป็นกีฬาประเภทเดียวที่ไม่มีการแบ่งเพศอายุ สัญชาติหรือศาสนา กล่าวคือนักกีฬาสามารถแข่งร่วมกันได้ไม่ว่าหญิงหรือชาย เด็กหรือผู้ใหญ่ ขึ้นอยู่กับความสารมารถของคนและม้า
• ความเคารพซึ่งกันและกัน (Respect)ในการแข่งขันขี่ม้า การให้ความเคารพต่อตนเอง เคารพผู้อื่น เคารพสังคม เคารพกติกาเป็นสิ่งที่ควรคำนึงถึง รวมไปถึงความเข้าใจในตัวม้า ให้ความเคารพในฐานะสิ่งมีชีวิตที่ประกอบให้การเล่นกีฬาชนิดนี้สมบูรณ์แบบ ลองนึกดูว่าหากไม่มีม้า เราจะเรียกมันว่ากีฬาขี่ม้าได้อย่างไร
• สวัสดิภาพของม้าเป็นสิ่งสำคัญ (Welfare)ม้าและผู้ขี่เสมือนหนึ่งนักกีฬา (Complicity)ตามกล่าวไปข้างต้นแล้วนั้น สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า “ม้า” นับเป็นอีกหนึ่งนักกีฬา ที่เราให้ความสำคัญมาเป็นอันดับแรก ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการดูเสมือนเป็นผู้เล่นที่สำคัญอีกหนึ่งชีวิต ซึ่งการดูแลนั้นต้องคลอบคลุมไปถึงสวัสดิภาพต่างๆ ที่ต้องให้ความใส่ใจอย่างเคร่งครัด ไม่ว่าเป็นคอกที่อยู่ อาหารที่ให้ สุขภาพที่ดี การขนส่งแบบถูกต้องและปลอดภัย พื้นผิวสนามที่ใช้ฝึกซ้อมเหมาะสม การรักษาที่ดีเมื่อเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บโดยผู้เชี่ยวชาญ ฯลฯ ในหลายการแข่งขัน และหลายโอกาส ถึงแม้ว่าผู้ขี่มีความพร้อมเป็นอย่างมาก แต่ถ้า”ม้า” มีการแสดงอาการหรือสภาพไม่พร้อม ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้จากการเลี้ยงดูไม่ถูกต้อง หรือบาดเจ็บ ก็อาจถูกตัดสิทธิ์และหมดโอกาสเข้าร่วมการแข่งขันได้
• เล่นกีฬาอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม (FairPlay)ซึ่งเป็นแนวคิดทางการกีฬา ในการปฏิบัติอย่างเคร่งครัดต่อการเคารพกฏ กติกา มารยาทของสังคมกีฬานั้น ไม่เอาเปรียบ ไม่โกง รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย หากจำเป็นต้องประท้วง เพื่อเรียกสิทธิความถูกต้อง ก็ทำตามแบบแผนที่มีขอบเขตข้อกำหนดและเงื่อนไขที่มีกำหนดไว้